คำตอบที่ดีที่สุด - เลือกโดยเพื่อนๆ ที่ช่วยกันโหวต
เมื่อถามว่าพระเจ้ามีจริงหรือ? เราสามารถแบ่งผู้ตอบออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มที่ไม่ทราบ
2. กลุ่มที่ไม่เชื่อว่าพระเจ้ามี
3. กลุ่มที่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง
ต่อไปนี้ เราจะพิจารณาเหตุผลของทั้ง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ไม่เชื่อและกลุ่มที่เชื่อ โดยตัดกลุ่มที่ไม่ทราบออกไป
พวกที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า จะมีเหตุผลสนับสนุนเพียงข้อเดียว คือ มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ ฯลฯ จึงไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง แต่หากพิจารณาให้ดีก็จะเห็นว่าเหตุผลนี้ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอเพราะ
1. สิ่งที่มองไม่เห็น ไม่ใช่ว่าไม่มีจริง เช่น ลม, อากาศ, ออกซิเจน ฯลฯ
2. สิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยสัมผัสทั้ง 5 ไม่ใช่ว่าไม่มีจริง เช่น ไฟฟ้า, ชีวิต, วิญญาณ ฯลฯ
3. คนที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า แต่ทำไมเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง (ทั้ง ๆ ที่มองไม่เห็นเหมือนกัน)
4. คนที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า แต่ทำไมเชื่อว่านรก-สวรรค์มีจริง (ทั้ง ๆ ที่มองไม่เห็นเหมือนกัน)
5. คนที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า แต่ทำไมจึงนับถือศาสนา เพราะการนับถือศาสนานั้นสะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับว่ามีพระเจ้า
พวกที่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง จะมีเหตุผลสนับสนุน 2 ประการใหญ่ ๆ คือ
1. ข้อพิสูจน์จากนอกพระคัมภีร์ (ใช้ตรรก, เหตุและผล) ขออธิบายย่อ ๆ เพียง 6 ประการ
1.1 ในสามัญสำนึกของมนุษย์มันฟ้องว่าต้องมีผู้สร้างอย่างแน่นอน เช่น เมื่อเราเกิดปัญหาชีวิต เราพยายามแสวงหาที่พึ่ง เพราะในใจของเรามันฟ้องว่าต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่มีอำนาจเหนือเรา
1.2 เมื่อมีผลก็ต้องมีเหตุ (เมื่อมีควันก็ต้องมีไฟ) เพราะชีวิตของคนเรานั้นสั้นจึงไม่สามารถรู้ได้ด้วยตนเอง เราจึงต้องอาศัยเหตุและผลของคนอื่นมาพิจารณาประกอบ เช่น เมื่อเราเห็นโต๊ะ ฯลฯ เราสรุปได้ทันทีว่าโต๊ะ (ผล) ตัวนี้ต้องมีผู้สร้าง (เหตุ) ถึงแม้ว่าเราจะไม่ทราบว่าใครสร้างก็ตามที
1.3 ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีที่มา เช่น เมื่อเราหลงเข้าไปในป่า เห็นกระท่อมหลังหนึ่งปลูกอยู่ เราสรุปได้ทันทีว่ากระท่อมหลังนี้ต้องมีผู้สร้าง เช่นเดียวกัน เมื่อเราเกิดขึ้นมาในโลก เราเห็นว่าทุกสิ่งมันมีอยู่แล้ว เราสามารถสรุปได้ 2 ข้อ คือ (1) เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ ไม่มีผู้สร้าง (2) มีผู้สร้างอย่างแน่นอน
1.4 ทุกสิ่งในโลกนี้ “มีแบบ” ก็แสดงว่าต้องมี “ผู้ออกแบบ” (มีผู้สร้าง)
1.5 ทุกสิ่งในโลกนี้ “มีระเบียบ” ก็แสดงว่าต้องมี “ผู้ออกระเบียบ” (มีผู้สร้าง)
1.6 ทุกสิ่งในโลกนี้ “มีสติปัญญาอยู่เบื้องหลัง” ก็แสดงว่าต้องมี “ผู้เป็นเจ้าของปัญญา” (มีผู้สร้าง)
2. ข้อพิสูจน์จากพระคัมภีร์ ขออธิบายย่อ ๆ เพียง 4 ประการ
2.1 พระคัมภีร์ยืนยันว่า พระเจ้ามีจริง ยะซายา 44:6-8, ยอหน 1:1-5, ฮีบรู 1:1-3
2.2 พระเยซูคริสต์ถูกฆ่าตาย เพราะยืนยันว่า พระเจ้ามีจริง
2.3 พวกอัครทูตส่วนใหญ่ถูกฆ่าตาย เพราะยืนยันว่า พระเจ้ามีจริง
2.4 พวกคริสเตียนประมาณสองพันล้านคนต่างก็ยืนยันว่า พระเจ้ามีจริง
เมื่อถามว่าพระเจ้ามีจริงหรือ? เราสามารถแบ่งผู้ตอบออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มที่ไม่ทราบ
2. กลุ่มที่ไม่เชื่อว่าพระเจ้ามี
3. กลุ่มที่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง
ต่อไปนี้ เราจะพิจารณาเหตุผลของทั้ง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ไม่เชื่อและกลุ่มที่เชื่อ โดยตัดกลุ่มที่ไม่ทราบออกไป
พวกที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า จะมีเหตุผลสนับสนุนเพียงข้อเดียว คือ มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ ฯลฯ จึงไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง แต่หากพิจารณาให้ดีก็จะเห็นว่าเหตุผลนี้ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอเพราะ
1. สิ่งที่มองไม่เห็น ไม่ใช่ว่าไม่มีจริง เช่น ลม, อากาศ, ออกซิเจน ฯลฯ
2. สิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยสัมผัสทั้ง 5 ไม่ใช่ว่าไม่มีจริง เช่น ไฟฟ้า, ชีวิต, วิญญาณ ฯลฯ
3. คนที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า แต่ทำไมเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง (ทั้ง ๆ ที่มองไม่เห็นเหมือนกัน)
4. คนที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า แต่ทำไมเชื่อว่านรก-สวรรค์มีจริง (ทั้ง ๆ ที่มองไม่เห็นเหมือนกัน)
5. คนที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า แต่ทำไมจึงนับถือศาสนา เพราะการนับถือศาสนานั้นสะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับว่ามีพระเจ้า
พวกที่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง จะมีเหตุผลสนับสนุน 2 ประการใหญ่ ๆ คือ
1. ข้อพิสูจน์จากนอกพระคัมภีร์ (ใช้ตรรก, เหตุและผล) ขออธิบายย่อ ๆ เพียง 6 ประการ
1.1 ในสามัญสำนึกของมนุษย์มันฟ้องว่าต้องมีผู้สร้างอย่างแน่นอน เช่น เมื่อเราเกิดปัญหาชีวิต เราพยายามแสวงหาที่พึ่ง เพราะในใจของเรามันฟ้องว่าต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่มีอำนาจเหนือเรา
1.2 เมื่อมีผลก็ต้องมีเหตุ (เมื่อมีควันก็ต้องมีไฟ) เพราะชีวิตของคนเรานั้นสั้นจึงไม่สามารถรู้ได้ด้วยตนเอง เราจึงต้องอาศัยเหตุและผลของคนอื่นมาพิจารณาประกอบ เช่น เมื่อเราเห็นโต๊ะ ฯลฯ เราสรุปได้ทันทีว่าโต๊ะ (ผล) ตัวนี้ต้องมีผู้สร้าง (เหตุ) ถึงแม้ว่าเราจะไม่ทราบว่าใครสร้างก็ตามที
1.3 ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีที่มา เช่น เมื่อเราหลงเข้าไปในป่า เห็นกระท่อมหลังหนึ่งปลูกอยู่ เราสรุปได้ทันทีว่ากระท่อมหลังนี้ต้องมีผู้สร้าง เช่นเดียวกัน เมื่อเราเกิดขึ้นมาในโลก เราเห็นว่าทุกสิ่งมันมีอยู่แล้ว เราสามารถสรุปได้ 2 ข้อ คือ (1) เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ ไม่มีผู้สร้าง (2) มีผู้สร้างอย่างแน่นอน
1.4 ทุกสิ่งในโลกนี้ “มีแบบ” ก็แสดงว่าต้องมี “ผู้ออกแบบ” (มีผู้สร้าง)
1.5 ทุกสิ่งในโลกนี้ “มีระเบียบ” ก็แสดงว่าต้องมี “ผู้ออกระเบียบ” (มีผู้สร้าง)
1.6 ทุกสิ่งในโลกนี้ “มีสติปัญญาอยู่เบื้องหลัง” ก็แสดงว่าต้องมี “ผู้เป็นเจ้าของปัญญา” (มีผู้สร้าง)
2. ข้อพิสูจน์จากพระคัมภีร์ ขออธิบายย่อ ๆ เพียง 4 ประการ
2.1 พระคัมภีร์ยืนยันว่า พระเจ้ามีจริง ยะซายา 44:6-8, ยอหน 1:1-5, ฮีบรู 1:1-3
2.2 พระเยซูคริสต์ถูกฆ่าตาย เพราะยืนยันว่า พระเจ้ามีจริง
2.3 พวกอัครทูตส่วนใหญ่ถูกฆ่าตาย เพราะยืนยันว่า พระเจ้ามีจริง
2.4 พวกคริสเตียนประมาณสองพันล้านคนต่างก็ยืนยันว่า พระเจ้ามีจริง
คนถามคิดว่าพระเจ้าคือใครหละครับ หากเป็นศาสดาของศาสนาใดศาสนาหนึ่งก็อาจมีหรือไม่มีก็ได้
ตอบลบถามว่า เราไม่เคยเห็นพระเจ้า รู้ได้ไงว่าพระเจ้ามี
ถามย้อน เราไม่เคยเห็นพระนเรศวร หรือพระกษัตริย์องค์อื่นๆ ในแต่ละยุค
ทำไมเรารู้ว่ามี ก็ขอตอบว่าเพราะมีประวัติบันทึกไว้
ถามอีกว่า เค้าอาจแต่งขึ้นมาก็ได้ ก็ขอตอบว่า ก็เป็นไปได้และอาจจะเป็นไปไม่ได้
แต่สาระไม่ได้อยู่ที่มีศาสดาหรือไม่ แต่สาระอยู่ที่คำสอนของศาสดา
เมื่อเราทำแล้ว ชีวิตเราดีขึ้นหรือไม่ มีความสุขหรือไม่ นั่นคือสาระของศาสนา
แม้ว่ามีศาสดาดี แต่เราทำไม่ได้ หรือไม่เอาคำสอนมาใช้ ก็ไม่เกิดประโยชน์
หากแม้ศาสดาไม่อยู่แล้ว ยังเหลือคำสอน เรานำคำสอนนั้นมาใช้ ก็เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง